สะตอฟอร์ยู ::: สนับสนุนให้คนใต้ได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น!!!

แผลผ่าคลอดไม่ได้น่ากลัว หากรู้วิธีดูแลและป้องกันอย่างถูกต้อง!

by localspeaker @26 เม.ย. 68 02:53 ( IP : 49...136 )

แผลผ่าคลอดไม่ใช่เรื่องน่ากังวล แค่ดูแลถูกวิธี ก็หายไว ไร้ปัญหา! 

 

แผลผ่าคลอด

 

แผลผ่าคลอดดูแลอย่างไรให้หายเร็ว ลดรอยแผลเป็น ป้องกันการติดเชื้อ เคล็ดลับง่าย ๆ ไม่ควรพลาด พร้อมวิธีดูแลแผลให้ปลอดภัย ฟื้นตัวไวและกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจ!

หลังจากการรอคอยที่ยาวนาน การได้เห็นหน้าลูกน้อยคือของขวัญล้ำค่าที่สุด แต่เส้นทางของการเป็นคุณแม่เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น การใส่ใจดูแลสุขภาพตนเองหลังคลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดูแลรักษา แผลผ่าคลอด อย่างพิถีพิถัน ถือเป็นภารกิจสำคัญที่ไม่สามารถละเลยได้ เพื่อให้คุณแม่สามารถฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาแข็งแรงดังเดิม และพร้อมที่จะมอบความรักหรือการดูแลเอาใจใส่แก่เจ้าตัวน้อยได้อย่างเต็มกำลัง

บทความนี้จะพาคุณแม่ไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีดูแลแผลหลังผ่าคลอดอย่างถูกต้อง ตั้งแต่การทำความรู้จักกับลักษณะของแผลผ่าคลอด คำแนะนำที่ครอบคลุมในการดูแลแผลผ่าคลอด ไปจนถึงแนวทางการดูแลแผลผ่าคลอดคีลอยด์ เพื่อให้ร่างกายคุณแม่ฟื้นตัวกลับมาแข็งแรงได้โดยเร็ว

 


 

แผลผ่าคลอด มีลักษณะแบบไหนบ้าง?

 

หลังจากการผ่าคลอด การดูแลแผลผ่าคลอดอย่างเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้นหรือลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน โดยลักษณะของแผลหลังผ่าคลอดจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับเทคนิคที่แพทย์เลือกใช้ แบ่งออกได้เป็น 2 แบบหลัก ๆ ดังนี้

แผลผ่าคลอด จะมีลักษณะหลัก ๆ อยู่ 2 แนว ดังนี้ 

 

แผลผ่าตัดตามแนวตั้ง (Vertical Incision)

 

แผลผ่าคลอดแนวตั้ง เป็นการผ่าจากบริเวณใต้สะดือลงมายังเหนือหัวหน่าว มีความยาวประมาณ 10-15 เซนติเมตร รูปแผลผ่าคลอดแนวตั้ง จะเป็นเส้นตรงในแนวดิ่ง การผ่าตัดแนวนี้ใช้ในกรณีฉุกเฉินหรือกรณีที่คุณแม่มีข้อจำกัดด้านสุขภาพ เพราะช่วยให้แพทย์เข้าถึงมดลูกได้รวดเร็วขึ้น

ข้อดีของแผลผ่าคลอดตามแนวตั้ง:

  • เข้าถึงลูกน้อยได้เร็วในภาวะฉุกเฉิน เช่น ทารกมีภาวะเครียด หรือมีเลือดออกมาก
  • มีพื้นที่ผ่าตัดกว้าง จัดการภาวะซับซ้อนได้ดี เช่น ทารกอยู่ในท่าผิดปกติ มีรกเกาะต่ำมาก หรือมีภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ
  • ขยายแผลง่ายหากจำเป็น ต้องขยายแผลผ่าคลอดให้กว้างขึ้น การกรีดแนวตั้งสามารถทำได้ง่ายกว่าการกรีดแนวขวาง
  • ลดเสี่ยงบาดเจ็บกระเพาะปัสสาวะ การกรีดแผลผ่าท้องแนวตั้งหลีกเลี่ยงบริเวณกระเพาะปัสสาวะที่อยู่ส่วนล่างของมดลูก ลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บได้

ข้อเสียของแผลผ่าตัดแนวตั้ง:

  • รอยแผลผ่าคลอด เด่นชัด อาจเป็นที่สังเกตได้ง่าย 
  • เจ็บแผลผ่าคลอด หลังผ่าตัดมากกว่า ในช่วงแรกของการฟื้นตัว
  • เสี่ยงไส้เลื่อนมากกว่า
  • แผลผ่าคลอดแนวตั้ง ใช้เวลาพักฟื้นนานกว่า
  • อาจกระทบต่อความสวยงามหน้าท้อง

 

แผลผ่าตัดตามแนวบิกินี (Bikini Cut)

 

แผลผ่าคลอดตามแนวบิกินี เป็นการผ่าตัดตามแนวขวางหรือแนวนอนบริเวณเหนือหัวหน่าวเล็กน้อย มีความยาวประมาณ 10-15 เซนติเมตร ซึ่งอยู่ในตำแหน่งสามารถปกปิดได้ด้วยขอบกางเกงในหรือบิกินี ลักษณะของแผลหลังผ่าคลอดจะดูเรียบ แผลสมานได้ดี เหมาะกับการผ่าคลอดแบบไม่เร่งด่วน เป็นทางเลือกที่แพทย์นิยมใช้มากที่สุดในปัจจุบัน เนื่องจากมีโอกาสเกิดแผลเป็นน้อย แผลผ่าคลอดสวยและฟื้นตัวได้เร็วกว่า

ข้อดีของแผลผ่าตัดแนวบิกินี:

  • ความสวยงาม: รอยแผลผ่าคลอด สวยอยู่ในแนวเดียวกับขอบกางเกงชั้นใน ทำให้มองเห็นได้ยากกว่าเมื่อสวมใส่เสื้อผ้า จึงเป็นที่นิยมในด้านความสวยงาม
  • อาการเจ็บปวดน้อยกว่า: การแยกกล้ามเนื้อหน้าท้องตามแนวขวางแทนการตัดผ่านโดยตรง จะส่งผลให้มีอาการเจ็บปวดหลังผ่าตัดน้อยกว่า เมื่อเทียบกับการกรีดแผลผ่าคลอดแนวตั้ง
  • ความเสี่ยงต่อการเกิดไส้เลื่อนน้อยกว่า: เนื่องจากกล้ามเนื้อหน้าท้องไม่ได้ถูกตัดโดยตรง ทำให้ความแข็งแรงของผนังหน้าท้องยังคงดีอยู่ จึงลดความเสี่ยงต่อการเกิดไส้เลื่อนบริเวณแผลผ่าคลอด
  • ระยะเวลาพักฟื้นเร็วกว่า: คุณแม่ที่ผ่าตัดคลอดด้วยวิธีนี้ จะเคลื่อนไหวและฟื้นตัวได้เร็วกว่า

ข้อเสียของแผลผ่าตัดแนวบิกินี:

  • ใช้เวลาผ่าตัดนานกว่า
  • ไม่เหมาะกับภาวะฉุกเฉิน
  • การเข้าถึงมดลูกอาจจำกัด
  • แผลผ่าคลอด อาจมีเลือดออกมากกว่าเล็กน้อย

 


 

แผลผ่าคลอด มีโอกาสเกิดคีลอยด์ได้หรือไม่?

 

หลังผ่าคลอด คุณแม่มีโอกาสเกิดทั้งแผลเป็นนูนหรือแผลผ่าคลอดเป็นคีลอยด์ได้ มีปัจจัยเสี่ยงหลายประการที่เกี่ยวข้อง การสังเกตลักษณะแผลผ่าคลอดอย่างใกล้ชิด และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด จะช่วยลดความเสี่ยงและจัดการกับปัญหาแผลเป็นได้อย่างเหมาะสม หากสังเกตเห็นความผิดปกติของแผล เช่น มีลักษณะนูนขึ้นเรื่อย ๆ แผลผ่าคลอดบวมแดง มีอาการคันหรือเจ็บแผลผ่าคลอดข้างใน ควรรีบปรึกษาแพทย์ เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาแผลผ่าคลอดที่ถูกต้องต่อไป

 


 

ข้อแนะนำในการรักษาแผลผ่าคลอด ให้หายเร็วปลอดภัย

 

วิธีดูแลและรักษาแผลผ่าคลอด เพื่อให้แผลผ่าคลอดหายเร็ว ลดรอยแผลเป็น ดังนี้

  • ดูแลแผลผ่าคลอดให้สะอาด: ล้างแผลด้วยน้ำเกลือหรือน้ำต้มสุกที่เย็นแล้ว วันละ 1-2 ครั้ง ซับให้แห้งด้วยผ้าก๊อซสะอาด เลี่ยงสบู่หรือน้ำหอมบนแผล เพื่อป้องกันแผลผ่าคลอดติดเชื้อ โดยเฉพาะในช่วง 7–14 วันแรกหลังผ่าตัด
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสแผลโดยตรง: ไม่ควรเกาหรือแกะสะเก็ดแผล เพราะอาจทำให้แผลผ่าคลอดอักเสบหรือเป็นรอยแผลเป็นมากขึ้น 
  • แผ่นซิลิโคนช่วยลดรอยนูน: วิธีรักษาแผลผ่าคลอดหลังแผลแห้งสนิท แพทย์อาจแนะนำให้ใช้แผ่นซิลิโคนเจลปิดทับอย่างน้อย 12 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อรักษาความชุ่มชื้น ลดคอลลาเจน ทำให้แผลผ่าคลอดนุ่มเรียบเนียน หรือแผลผ่าคลอดสวยขึ้น ควรใช้ตามคำแนะนำแพทย์หรือเภสัชกร
  • หลีกเลี่ยงการยกของหนักหรือออกแรงมาก: ควรงดกิจกรรมที่ต้องใช้แรงกดบริเวณหน้าท้องในช่วง 4–6 สัปดาห์แรก เพื่อไม่ให้แผลผ่าคลอดปริ หรือหายช้า และป้องกันการบาดเจ็บภายใน
  • สวมเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี: เลือกใส่เสื้อผ้าหลวม ๆ ไม่รัดแผล เพื่อป้องกันการเสียดสีและช่วยให้แผลผ่าคลอดแห้งเร็วขึ้น
  • ใช้เจลทาแผลเป็นหรือครีมลดรอยแผลเป็น: หลังแผลเริ่มสมานดีแล้ว (ประมาณ 2–3 สัปดาห์) สามารถเริ่มใช้เจลหรือครีมทาแผลเป็น เช่น เจลซิลิโคน หรือครีมที่มีสารช่วยลดแผลผ่าคลอดอักเสบและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เพื่อช่วยให้แผลดูจางลง ลดโอกาสเกิดคีลอยด์ ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้นป้องกันแผลจากแสงแดด
  • หากต้องออกไปข้างนอก ควรใช้แผ่นปิดแผลหรือทาครีมกันแดดบริเวณแผลผ่าคลอด เมื่อแผลหายดีแล้ว เพราะรังสี UV อาจทำให้แผลมีสีเข้มขึ้นและจางช้า
  • หมั่นสังเกตอาการผิดปกติของแผล: เช่น แสบแผลผ่าคลอด แผลแดง แผลผ่าคลอดบวม มีน้ำเหลือง หรือเจ็บแผลผ่าคลอดมากผิดปกติ รวมถึงแผลผ่าคลอดปริ ควรรีบปรึกษาแพทย์ เพื่อรักษาอย่างทันท่วงที

การใช้เจลหรือครีมทาแผลเป็นอย่างถูกวิธีและสม่ำเสมอเป็นการดูแลแผลผ่าคลอด เพื่อลดรอยแผลเป็น ควรทำควบคู่กับวิธีดูแลแผลผ่าคลอดในด้านอื่น ๆ ตามคำแนะนำของแพทย์ สำหรับคุณแม่ที่สงสัยเกี่ยวกับ ไหมละลายผ่าคลอด โดยทั่วไปไหมจะค่อย ๆ สลายไปเอง แต่หากมีอาการผิดปกติอื่น ๆ เช่น ผ่าคลอด 1 เดือนเจ็บแผล หรือมีอาการปวดแผลผ่าตัดคลอดอย่างต่อเนื่อง ควรได้รับการตรวจเช็กจากแพทย์เพื่อประเมินอาการและให้คำแนะนำที่ถูกต้อง

 


 

แผลผ่าคลอด เรื่องสำคัญที่แม่ต้องรู้!

 

แผลผ่าคลอดคือร่องรอยจากการผ่าตัด เพื่อนำทารกออกมา ซึ่งจะกรีดตามแนวขวางบริเวณเหนือหัวหน่าวเล็กน้อย ในช่วงแรกอาจมีอาการเจ็บ บวม หรือชารอบแผล การดูแลแผลผ่าคลอดอย่างถูกวิธีจึงสำคัญมาก เพราะช่วยลดความเสี่ยงติดเชื้อและทำให้แผลหายเร็วขึ้น โดยปกติแผลผ่าคลอดเริ่มสมานภายใน 2-3 สัปดาห์ และรอยผ่าคลอดค่อย ๆ จางลงเป็นแผลเป็น อาจต้องใช้เวลาหลายเดือนจนถึงเป็นปี แต่แผลนี้คือรอยแห่งความรักและความเสียสละของแม่ที่ได้มอบชีวิตใหม่ให้กับลูกน้อยอย่างงดงาม

 

แสดงความคิดเห็น

« 6153
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง