กวนข้าวมธุปายาส วัดคลองแห จ.สงขลา

by sator4u_team @14 ก.พ. 57 18:56 ( IP : 180...230 ) | Tags : แลใต้
  • photo  , 540x960 pixel , 76,562 bytes.
  • photo  , 960x540 pixel , 100,818 bytes.
  • photo  , 960x720 pixel , 139,986 bytes.
  • photo  , 960x720 pixel , 110,697 bytes.
  • photo  , 960x540 pixel , 64,998 bytes.
  • photo  , 960x720 pixel , 136,056 bytes.

งานกวนข้าวมธุปายาส ที่วัดคลองแหจัดต่อเนื่องมาทุกปี ปีนี้มาจัดที่โคกนกคุ่ม เป็นปีที่สอง ปีก่อนเจอลมฝนแถมยังไม่รู้ขั้นตอนการกวน กว่าจะแล้วเสร็จเล่นเอาทุลักทุเลแทบแย่ ปีนี้ได้คุณยายนำประสบการณ์จากภาคเหนือมาสอน เป็นแม่งานคุมการกวน ทำให้เสร็จเร็ว แถมนำข้าวเหนียวนึ่งมาใส่ ไม่ถึงสองชั่วโมงก็กวนแล้วเสร็จ เพียงแต่เหลวไปหน่อย เพราะใส่หางกะทิมากไปและข้าวเหนียวน้อยเกินไป ปีหน้าค่อยเอาใหม่

ประเพณีกวนมธุปายาสยาคู เชื่อกันว่าแต่เดิมนั้นกระทำโดยพราหมณ์ ตามความเชื่อในศาสนาพราหมณ์ เพราะพระพุทธศาสนาเกิดขึ้นทางกลางอิทธิพลพราหมณ์ซึ่งเกิดขึ้นก่อน เมื่อมีพราหมณ์จำนวนมากเปลี่ยนมานับถือพุทธศาสนา ก็นำเอาพิธีการต่างๆ ซึ่งตนเคยทำมาปฎิบัติต่อไปด้วยความเคยชิน พระพุทธองค์ทรงเห็นว่า พิธีการทางศาสนาพราหมณ์บางพิธีนั้นไม่ทำให้เสียหายแก่ผู้ปฎิบัติ กลับทำให้เกิดความศรัทธาในความดีงามและบำรุงกำลังใจ ก็ไม่ทรงห้ามการปฎิบัติกิจเหล่านั้นแต่ประการใด ดังนั้นพุทธศาสนิกชนสมัยหลังๆมา จึงพบว่า ประเพณีพราหมณ์เข้ามาปะปนอยู่ในพุทธศาสนามากจนบางครั้งก็ไม่รู้ว่าในชั้นต้นนั้นเป็นประเพณีอันเนื่องด้วยศาสนาพุทธ หรือศาสนาพราหมณ์กันแน่

ที่มาของประเพณีกวนมธุปายาสยาคูนั้น มีผู้สันนิษฐานต่างกันออกไปเป็น 2 แนว คือ

แนวแรก พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงกล่าวไว้ในพระราชพิธีสิบสองเดือนว่า ประเพณีนี้มีที่มาปรากฏอยู่ในพระคัมภีร์ธรรมบทแห่งหนึ่ง และในคัมภีร์ มโนถบุรณีอีกแห่งหนึ่ง ทั้งสองคัมภีร์มีเนื้อหาตรงกันว่า พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงบุพชาติของ อัญญโกณฑัญญะ ผู้ซึ่งมีความประสงค์อันแน่วแน่ที่จะศึกษาธรรมเพื่อให้บรรลุพระอรหันต์ก่อนผู้อื่น จุดมุ่งหมายในการแสดงของพระพุทธองค์ ก็เพื่อที่จะให้พระภิกษุได้ฟังพระองค์ได้แสดงว่า เมื่อพระพุทธวิปัตสีอุบัติขึ้นในโลก มีกฏุมพีสองคนพี่น่อง คนพี่ชื่อ มหากาฬ ส่วนคนน้องชื่อว่า จุลกาฬ ทั้งสองทำข้าวสาลีในนาแปลงเดียวกัน เมื่อข้าวกำลังจะออกรวง (ท้อง) จุลกาฬไปในนา เอาท้องข้าวนั้นมากินก็รู้ว่าหวานอร่อยมาก เลยจะเอาข้าวนั้นไปถวายพระภิกษุ จึงไปบอกพี่ชาย พี่ชายไม่เห็นด้วย อ้างว่าไม่มีใครเคยทำ ทำไปก็สูญเสียข้าวไปเปล่าๆ แต่จุลกาฬก็รบเร้าอยู่ทุกวัน จนมหากาฬไม่พอใจมากขึ้นทุกที ในที่สุดก็แบ่งนาออกเป็น 2 ส่วน แบ่งกันคนละส่วน จุลกาฬให้ชาวบ้านช่วยเก็บข้าวของตน ซึ่งกำลังตั้งท้องนั้นไปผ่าแล้วต้มด้วยน้ำนมสด ไม่มีน้ำปะปนเลย ผสมเนยใส น้ำผึ้ง น้ำตาลกรวด เป็นต้น นำไปถวายพระพุทธองค์และพระสาวก โดยอธิษฐานว่า ผลทานนั้นจงเป็นเครื่องให้ตนบรรลุธรรมวิเศษก่อน





คนทั้งปวง เมื่อจุลกาฬทำทานแล้วกลับไปดูนา เห็นเต็มไปด้วยข้าวสาลีก็ยินดีเป็นยิ่งนัก หลังจากนั้นก็ทำบุญในวาระต่างๆอีก รวม 9 ครั้ง จุลกาฬซึ่งมาเป็นพระอัญญาโกณฑัญญะ ก็ทำทานและมีความมุ่งมั่นเช่นเดิมมาตลอด จนในที่สุดก็ได้บรรลุพระอรหันต์ก่อนพุทธสาวกทั้งปวง จึงน่าจะสันนิษฐานได้ว่า ประเพณีการกวนข้าวมธุปายาส น่าจะเนื่องมาจากอรรถกถาที่กล่าวมาแล้วนี้

แนวที่สอง เป็นความเชื่อของชาวนคร ซึ่งเป็นความเชื่อที่เนื่องกับพระพุทธศาสนาเช่นกัน เป็นความเชื่อที่สอดคล้องกับพุทธประวัติ ตอนที่นางสุชาดา ถวายข้าวมธุปายาส ก่อนอภิสัมโพธิกาล ดังหลักฐานที่ปรากฏในพุทธประวัติเล่ม 1 ปุริมกาล ปริเฉทที่ 5 ตอนหนึ่งว่า

“ในเช้าวันนั้น นางสุชาดา บุตรีกฏุมพีนายใหญ่แห่งชาวบ้านเสนานิคม ณ ตำบลอุรุเวลา ปรารถนาจะทำการบวงสรวงเทวดา หุงข้าวมธุปายาส คือ ข้าวสุก หุงด้วยน้ำนมโคล้วนเสร็จแล้วจัดลงในถาดทอง นำไปที่โพธิพฤษ์ เห็นพระมหาบุรุษนั่งอยู่ สำคัญว่าเทวดา จึงน้อมข้าวมธุปายาสเข้าไปถวาย ในเวลานั้นบาตรของพระองค์เผอิญอันตรธานหาย พระองค์จึงทรงรับข้าวมธุปายาสนั้นทั้งถาดด้วยพระหัตถ์แล้วทอดพระเนตรแลดูนาง นางทราบพระอาการ จึงทูลถวายทั้งถาดแล้วกลับไป พระมหาบุรุษทรงถือถาดข้าวปายาสเสด็จไปสู่ท่าแห่งแม่น้ำเนรัญชรา สรงแล้วเสวยข้าวปายาสหมดแล้ว ทรงลอยถาดเสียในกระแส...”

หลังจากพระองค์ ทรงเสวยข้าวมธุปายาสของนางสุชาดาแล้ว ก็ทรงบรรลุอภิสัมโพธิญาณในคืนนั้นเอง เหตุนี้ชาวพุทธโดยทั่วไปในเมืองนครจึงเชื่อกันว่า ข้าวมธุปายาสนี่เองที่ส่งผลให้พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้ จึงเห็นข้าวมธุปายาสเป็นของดีวิเศษที่บันดาลความสำเร็จได้อย่างเอก เพราะเห็นว่าเมื่อพระพุทธองค์ทรงเสวยข้าวมธุปายาสแล้วทำให้พระองค์เห็นแจ้งในธรรม แสดงว่าข้าวมธุปายาสช่วยเพิ่มพูนพลัง จึงก่อให้เกิดปัญญา สมองแจ่มใสปลอดโปร่งเป็นอย่างยิ่ง จึงเห็นได้ว่า ข้าวมธุปายาสก็คือยาขนานวิเศษนั่นเอง

ด้วยความเชื่อดังกล่าวนี้ ประเพณีกวนมธุปายาสยาคูจึงเป็นประเพณีที่ชาวนครปฎิบัติสืบทอดกันมาอย่างแน่นแฟ้น

แต่เดิมนั้นการกวนข้าวมธุปายาส มักจะทำกันในเดือนสิบบ้าง เดือนหกบ้าง แต่ปัจจุบันนี้ทำกันในวันขึ้น 13 ค่ำ และขึ้น 14 ค่ำเดือน 3 การกระทำนั้นแต่เดิมใช้ผู้หญิงพราหมณ์และเชื้อพระวงศ์ผู้หญิง ซึ่งเป็นพรมจารีเป็นผู้กวน แต่ต่อมาไม่ได้ยึดถือในเรื่องนี้กันนัก ซึ่งในปัจจุบันนี้ชาวเมืองมักจะหาเครื่องปรุงมาร่วมกันกวนที่วัด แทนที่จะเป็นตามบ้านเรือนของแต่ละคน


Cr. // ขอขอบคุณ บทความดีๆ จาก blog @ ชาคริต โภชเรือง และ ภาพสวยๆ "กวนข้าวมธุปายาส วัดคลองแห ประจำปี 2557" จาก fb @ Panumas Nontapan , ชาคริต โภชะเรือง

Relate topics

Post new comment

« 1335
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง