อำลาเที่ยวสุดท้าย MD-11 จ่อปิดตำนาน บ.โดยสาร 'ไทรเจ็ต'
เครื่องบินโดยสาร เอ็มดี-11 ของสายการบิน KLM ได้จบสิ้นการบินเที่ยวสุดท้ายไปเมื่อ 25 ต.ค.57 ที่ผ่านมา ปิดฉากยุค บ.โดยสารลำตัวกว้างที่มี 3 เครื่องยนต์ (ไทรเจ็ต) ท่ามกลางความอาลัยของแฟนๆ ต่อเครื่องบินที่มีเครื่องยนต์บนหาง...
เมื่อวันที่ 25 ต.ค.2557 ที่ผ่านมา สายการบินรอยัล ดัตช์ แอร์ไลน์ หรือ KLM : Royal Dutch Airlines (ปัจจุบัน คือ แอร์ฟรานซ์ เคแอลเอ็ม) ได้ประกาศยุติการให้บริการด้วยเครื่องบินโดยสารแบบ แมคโดนัลด์ ดักกลาส (ปัจจุบัน ควบรวมกิจการกับโบอิ้ง) เอ็มดี-11 (MD-11) เครื่องบินโดยสารไอพ่นแบบลำตัวกว้างแบบ 3 เครื่องยนต์รุ่นสุดท้าย และ KLM ยังเป็นสายการบินสุดท้าย ที่ให้บริการเที่ยวบินเชิงพาณิชย์ด้วย เอ็มดี 11 โดยเที่ยวบินสุดท้าย คือ ไฟลท์ KLM672 จาก มอนทรีออล-อัมสเตอร์ดัม ด้วยเครื่องบินที่มีชื่อว่า ออเดรย์ แฮปเบิร์น ได้ลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติ สคิปโพล พร้อมกับพิธีฉลองด้วยการนำเครื่องบินผ่านอุโมงค์น้ำ
กัปตันของเที่ยวบินสุดท้าย กับเครื่องบิน MD-11 ชื่อ ออเดรย์ แฮปเบิร์น
หากดูแบบไม่ได้ลึกซึ้งอะไร นี่คือ การยุติการบินให้บริการแบบมีผู้โดยสารตามปกติ ที่จะมีการเปลี่ยนเครื่องบินใหม่มาทดแทน แต่ในอีกมุมหนึ่งที่ลึกซึ้งกว่า มันคือการปิดฉากของเครื่องบินโดยสารลำตัวกว้างแบบ 3 เครื่องยนต์ หรือ ไทรเจ็ต (Tri-Jets) อันเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ต้องจารึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์วงการการบินเลยทีเดียว
พิธีลอดอุโมงค์น้ำสำหรับเที่ยวบินสุดท้ายของ เอ็มดี-11 สายการบิน KLM
จุดกำเนิดของเครื่องบินแบบ 3 เครื่องยนต์รุ่นนี้ ย้อนกลับไปในช่วงปี 1985 เมื่อบอร์ดบริหารของบริษัทแมคโดนัลด์ ดักกลาส ผู้ผลิตเครื่องบินยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ อนุมัติแบบโครงการเครื่องบินโดยสารลำตัวกว้าง รุ่นใหม่ ต่อจาก ดีซี-10 (DC-10) ต่อมาโครงการได้เริ่มขึ้นในปี 1990 เป็นการนำเอาดีไซน์ของเครื่องบิน ดีซี-10 รุ่นก่อนหน้ามาต่อยอด เพื่อให้สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ประมาณ 340 ที่นั่ง ใน 3 ชั้นโดยสาร และใช้ 3 เครื่องยนต์ เพื่อความสามารถในการบินข้ามทวีปได้ เพราะสมัยนั้นเครื่องยนต์ที่มีใช้อยู่แรงขับยังไม่สูงเท่ากับเครื่องยนต์เครื่องบินในยุคปัจจุบัน ที่เมื่อเทียบกันแล้วให้แรงขับมากกว่าถึงเกือบ 2 เท่า โดยใช้แค่ 2 เครื่องยนต์ ทำให้ยุคนั้นเครื่องบินที่จะบินข้ามทวีปได้ จำเป็นต้องมีมากกว่า 2 เครื่องยนต์ เพื่อให้มีแรงขับรวมมากพอจะบินข้ามทวีป ด้วยน้ำหนักโหลดเต็มพิกัด ดังเช่น โบอิ้ง 747 ที่มี 4 เครื่องยนต์ รวมทั้ง ดีซี-10 และ ล็อคฮีท แอล-1011 ไทรสตาร์
แมคโดนัลด์ ดักกลาส เอ็มดี-11 (MD-11)
หลังจากปั้นโครงการมาได้สักระยะ จนในที่สุดแมคโดนัลด์ ดักกลาส ก็สร้างเครื่องบิน เอ็มดี-11 ลำแรกสำเร็จ โดย MD-11 ลำแรกออกจากสายการผลิตของโรงงานในเมืองลองบีช แคลิฟอร์เนีย เมื่อปี 1990 ทาง แมคโดนัลด์ ดักกลาส พัฒนาออกมาเป็น 3 รุ่นให้เลือกใช้งาน ได้แก่ แบบ Passenger สำหรับโดยสารอย่างเดียว แบบ Combi ที่ใช้ทั้งขนสินค้าและโดยสาร และแบบ Freighter หรือ เครื่องบินขนส่งสินค้า ในระยะแรกมีสายการบินและบริษัทเอกชนที่ให้ความสนใจสั่งซื้อ MD-11 0kd แมคโดนัลด์ ดักกลาส จำนวน 52 ลำและอีก 40 ลำเป็นออปชั่นซื้อเพิ่ม อาทิ สายการบินอลิตาเลีย สายการบินดรากอนแอร์ บ.เฟดเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส สายการบินฟินแอร์ สายการบินโคเรียนแอร์ สายการบินเอสเอเอส (SAS) สายการบินสวิสแอร์ สายการบินวาริก และ การบินไทย ที่เคยนำมาให้บริการในปี 2534-2549 และขายต่อให้กับยูพีเอสไป ส่วน KLM ไม่ได้เป็นลูกค้าแต่แรกเริ่ม เช่นเดียวกับเจแปนแอร์ไลน์ (JAL)
เอ็มดี -11 เข้าเทียบหลุมจอดจบการเดินทางเที่ยวบินสุดท้าย ณ ท่าอากาศยานสคิปโพล กรุงอัมสเตอร์ดัม
อย่างไรก็ตาม เส้นทางของเอ็มดี-11 ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ มันถูกสร้างขึ้นมาทั้งหมดเพียง 200 ลำ เพราะมันออกมาในช่วงที่บริษัทคู่แข่งอย่างโบอิ้งเริ่มนำเสนอ เครื่องบินรุ่นใหม่ที่บินได้ไกล บรรทุกผู้โดยสารได้พอๆ กัน แต่ประหยัดเชื้อเพลิงมากกว่า เช่น โบอิ้ง 767-400ER และการมาของโบอิ้ง 777 ส่วนฝั่งแอร์บัส ก็นำเสนอ แอร์บัส เอ340 ที่เป็นเครื่องบินลำตัวกว้าง 4 เครื่องยนต์ สำหรับการบินในเส้นทางข้ามทวีปแบบไม่หยุดพัก และแอร์บัส เอ330 ที่ออกมาตีตลาดของโบอิ้ง 777 แต่ก็กระทบกับตลาดของ เอ็มดี-11 เต็มๆ หลายสายการบินที่พิจารณาจะสั่งซื้อ ก็ตัดสินใจยกเลิกออเดอร์ โดยเฉพาะสายการบินใหญ่ๆ ในสหรัฐฯ แทบไม่มีใครเลือกใช้ เอ็มดี-11 เลย ยกเว้น เดลต้าแอร์ไลน์
ส่วนผู้ที่ใช้งาน เอ็มดี-11 เมื่อผ่านทศวรรษที่ 90 ไป ก็แทบจะปลดออกจากฝูงบินทั้งหมด แล้วทดแทนด้วยเครื่องบินแบบ 2 เครื่องยนต์อย่าง โบอิ้ง 777 และ แอร์บัส เอ330 แทน ส่วนเอ็มดี-11 ถูกขายต่อและเอาไปดัดแปลงทำเครื่องบินขนสินค้า (คาร์โก) โดยมีผู้ใช้งานรายใหญ่ คือ เฟดเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส ยูพีเอส ลุฟท์ฮันซ่า คาร์โก้ ส่วนที่ยังเป็นเครื่องบินโดยสารอยู่เหลือเพียง KLM ที่ยังคงใช้บินให้บริการเป็นสายการบินสุดท้าย
ที่นั่งชั้นประหยัด ภาพโดย Chris Sloan เว็บไซต์ airwaysnews.com/blog/2013/10/31/last-klm-md11-flight-in-late-2014-end-trijet/
ที่นั่งชั้นธุรกิจ ภาพโดย Chris Sloan เว็บไซต์ airwaysnews.com/blog/2013/10/31/last-klm-md11-flight-in-late-2014-end-trijet/
เครื่องบิน เอ็มดี-11 ลำแรกของ KLM ออกจากโรงงานที่ลองบีช แคลิฟอร์เนีย
KLM เริ่มรับเครื่องบิน MD-11 ลำแรกมาเมื่อปี 1993 และมีการปรับปรุงห้องโดยสารให้มีความทันสมัย เทียบเท่าเครื่องบินในยุคปัจจุบัน โดย KLM แบ่งออกเป็น 3 ชั้นโดยสาร ได้แก่ ชั้นธุรกิจ 24 ที่นั่ง ชั้นอีโคโนมี คอมฟอร์ท โซน 38 ที่นั่ง และชั้นประหยัดปกติ 223 ที่นั่ง รวม 285 ที่นั่ง ทุกที่นั่งมีจอภาพด้านหน้าพร้อมระบบ Inflight Entertainment มีห้องน้ำ 7 ห้อง (หน้า 2 กลาง 2 หลัง 3) ล่าสุดยังคงมีเครื่องที่ให้บริการ 4 ลำ รวมเครื่องบินลำแรกที่ได้รับมาเมื่อปี 1993 โดยหลังจากนี้เครื่องบินทั้ง 4 ลำเมื่อปลดจากฝูงบินจะนำไปเก็บไว้ในโรงเก็บเพื่อรอการจำหน่ายออกไป ทั้งนี้ รวมอายุของเครื่องบิน MD-11 อยู่กับสายการบิน KLM มานานถึง 21 ปีเต็ม
ในหน้าเว็บดูที่นั่งคงไม่เห็นท้ายลำแบบนี้อีกแล้ว
เคแอลเอ็ม ได้แถลงถึงเหตุผลที่น่าสนใจถึงการต้องปลด MD-11 ว่า ทางสายการบินมีการลงทุนพัฒนาฝูงบินอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำเครื่องบินที่ใหม่และบินได้ดีมาให้บริการ และนั่นทำให้ไม่มีที่สำหรับ เอ็มดี-11 อีกต่อไป ด้วยคาแรกเตอร์ของเครื่องที่เป็น 3 เครื่องยนต์ทำให้มันกินเชื้อเพลิงมาก อีกทั้งค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงที่สูง อะไหล่ที่หายาก บางชิ้นก็ไม่มีแล้วในสต๊อก และราคาน้ำมันที่สูงก็เป็นปัจจัยหลักที่ต้องทำให้มันจบตำนาน
ในส่วนของแผนการทดแทนเครื่องเอ็มดี-11 ในฝูงบิน ในเดือน ต.ค.ปี 2015 บริษัทแอร์ฟรานซ์ เคแอลเอ็ม ได้จัดหาเครื่องโบอิ้ง 787-9 ดรีมไลเนอร์ส เข้ามาทดแทน โดยได้สั่งซื้อไป 25 ลำ มันมีข้อได้เปรียบ MD-11 ที่สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ 276 คน กินน้ำมันน้อยกว่า 15% ไม่มีเสียงรบกวน ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ นี่จึงตรงกับคำสัญญาที่เคแอลเอ็มให้ไว้ เพื่อการไปสู่อุตสาหกรรมการขนส่งทางอากาศที่ยั่งยืน และระหว่างที่รอเครื่องใหม่ เคแอลเอ็มจะนำเอา โบอิ้ง 777 และ แอร์บัส เอ330 มาบินทดแทน
เที่ยวบินสุดท้ายของ MD-11 เป็นการยืนยันถึงการปิดฉากของยุคเครื่องบินลำตัวกว้างแบบ 3 เครื่องยนต์ อันได้แก่ ล็อคฮีท แอล-1011 ไทรสตาร์ (Lockheed L-1011 Tristar) ดักกลาส ดีซี-10 (Douglas DC-10) และเอ็มดี-11 (MD-11) 3 พี่น้องดาวค้างฟ้าของวงการการบินในยุคปี 80-90 โดยพี่ใหญ่ไทรสตาร์ ปิดตำนานไปเกือบ 10 ปี แล้ว ตามมาด้วยพี่รอง ดีซี-10 ที่เพิ่งปิดฉากไปเมื่อปี 2013 และน้องเล็กรายล่าสุดอย่าง เอ็มดี-11 แต่อย่างไรก็ตาม เอ็มดี -11 ยังคงบินบนฟ้าในฐานะเครื่องบินขนส่งสินค้าอยู่ เพราะยังคงมีใช้งานอยู่จำนวนหนึ่ง
เครื่องยนต์ที่หาง อันเป็นเอกลักษณ์ของ MD-11
เชื่อว่าคนที่เคยนั่งเครื่องบิน เอ็มดี-11 หรือแม้แต่ดีซี 10 เอง คงมีประสบการณ์ในการเดินทางที่ดีกับเครื่องรุ่นนี้ไม่น้อย ด้วยความสะดวกสบาย และความทันสมัยเท่าที่เครื่องบินโดยสารในยุคนั้นจะมีให้ได้ คนที่เดินทางด้วยเครื่องบิน ส่วนหนึ่งกลายมาเป็นแฟนพันธุ์แท้ของเอ็มดี-11 แต่จากนี้ไปคงเหลือให้แค่ได้คิดถึงและอาลัย เครื่องบินโดยสาร รูปร่างสุดเท่ที่มีเครื่องยนต์อยู่บนหาง.
ที่มา : airwaysnews.com , นสพ.ไทยรัฐ
Relate topics
- ประเพญีสงกรานต์เมืองปักษ์ใต้หากปีใดเป็นปีที่มีเดือนแปด 2 ครั้ง ให้ถือว่าวันว่าง (วันเนา) มีสองวัน ดังนั้น วันที่ 13 เมษายน จึงเป็นวันมหาสงกรานต์หรือวันส่งเจ้าเมืองเก่า วันที่ 14 - 15 เมษายน เป็นวันว่าง และวันที่ 16 เมษายน เป็
- ชะงัด!!! ถอนพิษตะขาบและแมงป่อง สุดยอดภูมิปัญญาไทยโบราณตะขาบ (centipede) จัดอยู่ในไฟลัมอาร์โธรพอด เป็นสัตว์กินเนื้อที่ชอบออกหากินในเวลากลางคืน ส่วนกลางวันมักหลบตามกองไม้ เศษใบไม้หรือตามเศษปะรักหักพังต่างๆ เหยื่อที่เป็นอาหารจะเ
- พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2558 "คุก 3 เดือน - ปรับ 100,000 จริงหรือ ?"ปรับ 10,000 – 100,000 บาท แต่หากการกระทำเพื่อการค้า จำคุกตั้งแต่ 3 เดือน – 2 ปี หรือปรับตั้งแต่ 50,000 – 400,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หัวใจหลักของกฎหมายลิขสิทธิ์อยู่ที่การห้ามทำซ้ำ ดัดแปลง และเผยแพ
- 35 เรื่อง "ทุเรียน" ที่อยากให้คุณได้รู้ !!!“ ทุเรียน ” ได้รับขนานนามว่า “King of Fruits" หรือ “ราชาแห่งผลไม้” ทุเรียนเป็นผลไม้ที่ชื่นชอบของไทยและเทศ เพราะมากมายด้วยประโ
- 10 เหตุผล! ทำไมราคายางพาราจึงตกจาก 180 ถึง 40 บาท ?? อ่อๆ มันเป็นพันนี้นี่เอง !!!ในเดือนกุมภาพันธ์ 2554 ราคายางไทยเคยแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ด้วยราคา 174.44 บาทต่อกิโลกรัม แต่หลังจากนั้นกลับมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง จนกระทั่งเดือนสิงหาคม 2557 ราคายางดิ่งลงเหลือ 53.63 บาทต่อกิโล
- โรคเมอร์ส (MERS) Middle East Respiratory syndromeโรคเมอร์ส (Middle East Respiratory Syndrome: MERS) หรือ โรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง เกิดจากเชื้อไวรัสในกลุ่มโคโรนา (Coronavirus) ที่มีการศึกษาและรู้จักมายาวนานตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 เป็นตระกูลไวรัสที
- “ทุเรียน” ที่ได้รับขนานนามว่า “King of fruits" หรือ “ราชาแห่งผลไม้” มีดีกว่าที่คิด!!!เมืองไทยของเราไม่ว่าจะฤดูกาลไหน ก็มีของอร่อยๆ มาให้รับประทานกันได้ไม่ขาดปาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ทุเรียน” ที่ได้รับขนานนามว่า “King of fruits" หรือ “ราชาแห่งผลไม้” เป็นที่นิยมของคนไทยตลอดกาลเลยทีเดียว
- โอ้ววแม่จ้าว! สูงที่สุดในโลก! "น้ำตกนางฟ้า" แห่งเวเนซูเอลา สูงกว่าไนแองการา 18 เท่า!!!เชื่อกันว่า น้ำที่ไหลลงมาจาก "น้ำตกนางฟ้า" แห่งนี้ จะไม่สามารถตกถึงพื้นได้ ด้วยเพราะความสูงของน้ำตกที่มีมากจนทำให้น้ำที่ตกลงมานั้นกลายเป็นหมอกไปซะก่อน จึงทำให้พื้นที่บริเวณป่าโดยรอบน้ำตกแห่งนี้ ถู
- มารู้จัก! TYPHOON เรือดำน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก จากรัสเซียกันเรือดำน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลกลำนี้ที่ชื่อว่า Typhoon หรือ The Project 941 ในภาษารัสเซียเรียกว่า Akula ซึ่งแปลว่าฉลามครับ เรือดำน้ำใด้ฝุ่นนี้เป็นเรือดำน้ำติดขีปนาวุธพลังงานนิวเคลียร์ ที่ถูกสร้างขึ้
- ผู้นำที่ดีควรมีคุณสมบัติอย่างไรเป็นที่ยอมรับกันแล้วว่า ผู้นำ (Leader) เป็นปัจจัยที่สำคัญยิ่งประการหนึ่งต่อความสำเร็จขององค์การทั้งนี้ เพราะผู้นำมีภาระหน้าที่ และความรับผิดชอบโดยตรงที่จะต้องวางแผนสั่งการดูแล และควบคุมให้บุคลากรขององ