ปวดหัว ปวดศีรษะแบบที่หาสาเหตุไม่เจอ และปวดศีรษะแบบมีสาเหตุ
ปวดหัว
จากตำราการช่วยชีวิตขั้นสูง ของสมาคมแพทย์โรคหัวใจแห่งประเทศไทย ที่มี นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์ เป็นบรรณาธิการ อธิบายว่า โรคปวดศีรษะ แบ่งได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ ปวดศีรษะแบบที่หาสาเหตุไม่เจอ และปวดศีรษะแบบมีสาเหตุ
ปวดศีรษะกลุ่มที่หาสาเหตุไม่เจอ แยกย่อยไปได้เป็น 3 ชนิด คือ
1.) ปวดหัวแบบกล้ามเนื้อตึง มักปวดระดับน้อยถึงปานกลาง ไม่มีคลื่นไส้อาเจียน ไม่มีอาการของระบบประสาท ไม่เกี่ยวกับการออกแรงหรือเคลื่อนไหว มักสัมพันธ์กับความเครียด อดนอน หิว ใช้ตามาก หรือเมื่อตำแหน่งศีรษะอยู่ผิดที่
การรักษาคือนอนให้พอ ลดการใช้สายตาลง ออกกำลังกายให้หายเครียด ถ้าปวดเมื่อยแถวคอหรือหลังหูก็บีบๆ นวดๆ ถ้าจำเป็นต้องใช้ยาก็ใช้แค่พาราเซตามอลครั้งละ 500-1,000 ม.ก. หรือแอสไพรินครั้งละ 300-600 ม.ก. ในกรณีที่ปวดศีรษะแบบเรื้อรัง การใช้ยาต้านภาวะซึมเศร้าอาจป้องกันการกลับเป็นถี่ๆ
2.) ปวดหัวแบบไมเกรน ปวดแบบตึ๊บๆ ครั้งหนึ่งกินเวลา 4-72 ช.ม. ถ้ามีอาการนำที่เกิดจากการเสียการทำงานของระบบประสาทเป็นการชั่วคราว เช่น เห็นแสงสีวูบวาบ เรียกว่า คลาสสิคไมเกรน ถ้าไม่มีอาการนำ เรียกว่า คอมมอน ไมเกรน มักคลื่นไส้อาเจียน เป็นข้างเดียว มีอาการแพ้แสง นอนไม่หลับและซึมเศร้า
การจัดการความเครียด เช่น คลายกล้ามเนื้อ โยคะ มวยจีน และการฝังเข็ม อาจช่วยบรรเทาอาการได้
3.) ปวดหัวแบบคลัสเตอร์ ปวดรุนแรงเฉพาะบริเวณที่เลี้ยงโดยประสาทสมองคู่ที่ห้า มักเป็นที่หลังลูกตาหรือที่เบ้าตา ร่วมกับมีอาการน้ำมูกน้ำตาไหล เหงื่อหน้าออก ตาแดง หนังตาบวมหรือหนังตาตก โดยที่เป็นอยู่ซีกเดียว เป็นมากจนลุกลี้ลุกลน อยู่ไม่สุข
ส่วนปวดศีรษะกลุ่มที่มีสาเหตุ แยกย่อยเป็น 2 พวกคือ
พวกที่ 1 เกิดจากสาเหตุนอกสมอง ได้แก่
1.) โรคต้อหิน เป็นโรคที่มีการเสื่อมสภาพในส่วนของลำของประสาทตา ทำให้เกิดการเสื่อมของการมองเห็น อาจมีการเพิ่มความดันในลูกตา เป็นมากก็ตาบอดได้
2.) สายตาผิดปกติ ตาเอียง ตาสั้น ตายาว
3.) โพรงไซนัสอักเสบ
4.) หูชั้นกลางอักเสบ
5.) โรคภูมิคุ้มกันทำลายหลอดเลือดตนเอง มีอาการปวดหัว ปวดคอร่วมกับอาการอักเสบมีไข้ บางครั้งปวดรอบวงไหล่และวงตะโพก
6.) กลุ่มอาการปวดข้อกราม เป็นการปวดหัวจากความผิดปกติของการทำงานของข้อกรามที่หน้าหู ซึ่งอาจเกิดจากการกัดฟันขณะนอนหลับหรือเหตุอื่นๆ
7.) กระดูกสันหลังระดับคอเสื่อมหรืออักเสบ
8.) ความดันเลือดสูง
9.) โรคไขกระดูกผลิตเม็ดเลือดแดงมากเกินไป
10.) โรคติดเชื้ออักเสบเป็นไข้ ไม่ว่าจะเป็นที่อวัยวะไหน ก็ปวดหัวได้ทั้งนั้น
11.) ปวดจากยาที่กิน เพราะยาใดๆ ที่หมอให้รับประทานล้วนมีฤทธิ์ข้างเคียง และ...
12.) พวกติดกาแฟ ก็ปวดหัวได้ง่ายๆ เวลาอยากดื่มกาเฟอีนแต่ไม่ได้ดื่ม
พวกที่ 2 เกิดจากสาเหตุซึ่งอยู่ในสมอง ได้แก่
1.) หลอดเลือดในสมองโป่งพองหรือผิดปกติ บางครั้งส่วนที่โป่งพองขยายตัวออก (ใกล้จะแตก) จะทำให้มีอาการปวดศีรษะมาก และถ้าทิ้งไว้ก็จะแตกจริงๆ ซึ่งจะทำให้กลายเป็นอัมพาตหรือเสียชีวิตได้
2.) อัมพาต
3.) ลิ่มเลือดก่อตัวในหลอดเลือดดำของสมอง
4.) เนื้องอกสมอง
5.) ติดเชื้อในสมอง
6.) ภาวะความดันน้ำไขสันหลังต่ำ มักเกิดจากน้ำไขสันหลังรั่วออกไปทางใดทางหนึ่ง เช่น หลังอุบัติเหตุ หรือผ่าตัด หรือเจาะหลัง ทำให้มีอาการปวดหัวเมื่อเปลี่ยนท่า
แพทย์ใช้ข้อมูลต่อไปนี้เป็นธงแดง หรือสัญญาณอันตราย บอกว่าอาการปวดศีรษะอาจมาจากสาเหตุที่รุนแรง คือ
1.) ปวดแบบสายฟ้าฟาด เร็ว แรง ทันที ถึงขีดสุดในเวลาไม่เกิน 5 นาที หรือปวดจนปลุกผู้ป่วยให้ตื่นขึ้น หรือปวดแบบไม่เคยเป็นมาก่อน
2.) ปวดศีรษะครั้งแรกในคนไข้อายุมากเกิน 50 ปี หรือคนไข้เอดส์ หรือคนไข้มะเร็ง
3.) ลักษณะการปวดปลี่ยนไป รวมถึงความถี่และอาการร่วม
4.) มีอาการและอาการแสดงของระบบประสาทร่วม รวมถึงการมองเห็นผิดปกติ หรือคอแข็ง หรืออาการไม่เฉพาะที่ เช่น เสียความจำ หรือจอตาบวม
5.) มีข้อมูลส่อว่าเป็นโรคระดับทั่วร่างกาย เช่น เป็นไข้ ความดันเลือดสูง น้ำหนักลด
Cr. คอลัมน์ รู้ไปโม้ด /ข่าวสดออนไลน์ , เพจ #หมอบ้านบ้าน
Relate topics
- 10 อาหารที่ควรทานหลังออกกำลังกายหลายคนที่ลดน้ำหนักอาจเข้าใจผิดไปว่า หลังออกกำลังกายแล้วนั้นไม่ควรรับประทานอาหารใดๆ ทั้งสิ้นเพราะจะทำให้ยิ่งอ้วน แต่หารู้ไม่ว่าช่วงหลังออกกำลังกายนี่แหละเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายต้องการอาหารอย่างเช่น น
- " ฝึกสมองให้ลดน้ำหนัก "การลดน้ำหนักหรืออดอาหารไม่ใช่เรื่องที่ง่าย ยิ่งสำหรับบางคนมันเป็นความท้าทายที่หนักหนาสาหัสอย่างมากสำหรับร่างกายและ จิตใจของตัวเองในการที่จะลดอาหาร ลดไขมัน รวมไปถึงการควบคุมปริมาณแคลลอรี่ที่บริโภคเข
- ย่างเข้าเดือนหก ฝนก็ตกพร่ำๆ!!! เตือนภัย 15 โรคติดต่อที่มาพร้อมฤดูฝน!อีกไม่นานประเทศไทยก็จะเข้าสู่ฤดูฝนอย่างเต็มตัว หลายคนเริ่มตระเตรียมอุปกรณ์กันฝน แต่แค่นั้นยังไม่เพียงพอ เพราะเมื่อฤดูฝนย่างกรายเข้ามา ก็จะมี 15 เชื้อโรคติดต่อรอโจมตีเราอยู่อย่างเงียบๆ ![
- 'รากบัว' เสริมภูมิคุ้มกันร่างกาย สรรพคุณทางยามหาศาลในรากบัวยังพบ “ฟลาโวนอยด์” ซึ่งเป็นสารกลุ่มโฟลีฟีนอล ที่จัดเป็นพฤกษเคมีที่มีคุณสมบัติเด่น ในการต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง สรรพคุณทางยามากมาย เช่น ลดไข้ บรรเทาอาการไอ อีกด้วย
- ยาก่อนอาหาร ยาหลังอาหาร ลืมกินยาตามเวลา อันตรายหรือไม่ปัญหาที่มักพบเสมอเวลาจะรับประทานยา คือ ต้องรับประทานก่อนหรือหลังอาหาร และก่อนอาหารนานเท่าไหร่ หลังอาหารกี่นาที ก่อนนอนนานแค่ไหน ถ้าลืมแล้วจะทำอย่างไร ![ คำอธิบายภาพ : findingtherightpill ](http:
- ข้าวโพดต้มสุก มีดีกว่าที่คิด!!!สีเหลืองเข้มอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ชื่อ ลูทีน และ ซีเซนทีน ยิ่งนำไปต้มหรือย่าง สารตัวนี้จะยิ่งออกมาเยอะขึ้น!!! ![ คำอธิบายภาพ : IMG20150517112917 ](http://sator4u.com/upload/pics/IMG
- ช็อค! Ending the War on Fat ความเชื่อคนทั้งโลก เมื่อผลวิจัยเผย “คอเรสเตอรอล” มีแต่ประโยชน์ ไม่มีโทษนิตยสารยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกาอย่าง TIME ได้เผยถึงบทความเกี่ยวกับ Ending the War on Fat “ความจริงของคอเรสเตอรอล” ที่ทุกๆ คนเข้าใจผิดมาตลอด 60 ปี ที่ว่าคอเรสเตอรอลเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดหลอดเลือดหัวใจ
- ผัก-ผลไม้ 7 อย่าง! บำรุงสายตา!!!การเลือกรับประทานพืชผักบางชนิดนอกจากทำให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว ยังสามารถช่วยบำรุงดวงตาให้มองเห็นแจ่มแจ๋ว ไม่ร่วงโรยตามอายุได้อีกด้วย ![ คำอธิบายภาพ : foods-for-eye-health-934934 ](http://sator4u.com
- โรคไข้เลือดออกโรคไข้เลือดออกเป็นโรคที่เกิดจากยุงเป็นพาหนะของโรค นอกจากเป็นปัญหาสาธารณสุขของประเทศไทย ยังเป็นปัญหาสาธารณสุขทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศในเขตร้อนชื้น และก่อให้เกิดความกังวลต่อผู้ปกครองเวลาเด็กมีไข้ บทความนี
- โรคเก๊าท์ ...การรักษาด้วยวิธีการที่ไม่ใช้ยาถึงแม้ว่าโรคเก๊าท์เป็นโรคที่เกิดจากภาวะกรดยูริกในเลือดสูง และในปัจจุบันมียาหลายชนิดที่ใช้ในการรักษาภาวะกรดยูริกในเลือดสูงก็ตาม แต่การรักษาด้วยวิธีการที่ไม่ใช้ยาก็ยังเป็นส่วนประกอบที่สำคัญในการรักษาผู้