สะตอฟอร์ยู ::: สนับสนุนให้คนใต้ได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น!!!

วิตามินซี (vitamin C) ???

by sator4u_team @24 ต.ค. 57 09:09 ( IP : 180...96 ) | Tags : สุขภาพ
photo  , 640x426 pixel , 23,104 bytes.

วิตามินซี (vitamin C) เป็นวิตามินที่รู้จักและคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีมากกว่าวิตามินชนิดอื่นๆ และมีการใช้กันอย่างแพร่หลาย ทั้งในคนปกติ ในเด็กเล็ก และในผู้ใหญ่ ซึ่งส่งผลกระทบทั้งในทางบวกและทางลบ เกิดผลดีและผลเสีย ทั้งด้านสุขภาพและค่าใช้จ่าย

ดังนั้น เมื่อมีคำถามมาเช่นนี้ก็ขอกล่าวถึงวิตามินซีที่ประชาชนทั่วไปควรทราบ และแนวทางการรักษาสุขภาพตนเองที่เกี่ยวข้องกับวิตามินซีที่เหมาะสม

ธรรมชาติของวิตามินซี

วิตามินซี หรือมีอีกชื่อหนึ่งว่า กรดแอสคอร์บิก (ascorbic acid) เป็นวิตามินที่ละลายได้ดีในน้ำ และมีคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant)
วิตามินซีเป็นวิตามินที่ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์ขึ้นได้เอง และไม่สะสมในร่างกายของเรา ดังนั้น คนเราจำเป็นต้องได้รับวิตามินซีจากอาหาร ผักและผลไม้ที่กินกันทุกวัน ซึ่งอาหารที่คนไทยกินส่วนใหญ่จะให้ปริมาณวิตามินซีที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวันอยู่แล้ว จึงไม่ค่อยได้พบผู้ที่ขาดวิตามินซี
ยกเว้นผู้ที่ไม่ได้กินผักและผลไม้เป็นเวลานานๆ เช่น ในอดีตที่กะลาสีท่องไปในทะเลนานๆ และขาดผักและผลไม้ ทำให้ขาดวิตามินซี ทำให้เกิดอาการเลือดออกตามไรฟัน เหงือกอักเสบ ผิวหนังแห้งแตกเป็นสะเก็ด แผลหายช้า เลือดกำเดาไหล ซึ่งเรียกโรคนี้ว่า ลักปิดลักเปิด (scurvy) ซึ่งไม่ค่อยพบในปัจจุบันแล้ว

ความสำคัญของวิตามินซี

วิตามินซีนี้มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกายของเรา ดังนี้ ๑. ช่วยในการสร้างคอลลาเจน (collagen) ซึ่งเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่เป็นส่วนประกอบของกระดูก กระดูกอ่อน กล้ามเนื้อ และหลอดเลือด
๒. ช่วยรักษาหลอดเลือดฝอย กระดูก และฟันให้แข็งแรง ๓. ช่วยในกระบวนการสมานแผลให้หายได้เร็ว ๔. ช่วยในการสร้างสารสำคัญในร่างกายของเรา เช่น อีพิเนฟริน (epinephrine) คอร์ติโคสตีรอยด์ (corticosteroids) เป็นต้น นอกจากนี้ วิตามินซียังช่วยให้การดูดซึมของธาตุเหล็กจากทางเดินอาหารได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย

ปริมาณวิตามินซีที่จำเป็นต่อมนุษย์

ปริมาณวิตามินซีที่ร่างกายต้องการเพื่อนำไปใช้ดำรงชีวิตตามปกตินั้น พบว่าผู้ใหญ่มีความต้องการวิตามินซี วันละ ๖๐-๙๐ มิลลิกรัม ขณะที่เด็กมีความต้องการวิตามินซี ๓๐-๕๐ มิลลิกรัมต่อวัน

หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร มีความต้องการปริมาณวิตามินซีเพิ่มขึ้นมากกว่าคนปกติ เพราะต้องการปริมาณที่เพียงพอสำหรับคนถึง ๒ คน คือตัวมารดาและลูกน้อย ซึ่งมีความต้องการอยู่ระหว่าง ๙๐-๙๕ มิลลิกรัมต่อวัน อีกกรณีหนึ่งที่มีความต้องการวิตามินซีที่สูงกว่าคนปกติคือผู้ที่สูบบุหรี่ เพราะบุหรี่จะส่งผลไปลดปริมาณวิตามินซีของร่างกาย จึงต้องการปริมาณวิตามินซีเพิ่มสูงขึ้น อีกประมาณ ๓๕ มิลลิกรัมต่อวัน หรือผู้ที่สูบบุหรี่มีความต้องการวิตามินซีประมาณ ๙๕-๑๒๕ มิลลิกรัมต่อวัน

แหล่งที่อุดมด้วยวิตามินซี

วิตามินซีที่ดีควรเป็นวิตามินที่ได้จากธรรมชาติ ซึ่งมีอยู่มากมายในอาหารที่เรากินเป็นประจำทุกวัน
ตัวอย่างอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินซี ได้แก่ ฝรั่ง ส้ม มะละกอ มะม่วง มะนาว บร็อกโคลี่องุ่น สตรอเบอร์รี่ ผลกีวี แคนตาลูป มะเขือเทศ มันฝรั่ง และผักใบเขียว เป็นต้น
นักโภชนาการประมาณว่า ฝรั่ง ๑ ผล (ขนาดกลาง) จะมีวิตามินซี ประมาณ ๑๕๐ มิลลิกรัม ซึ่งเกินพอต่อความต้องการของร่างกายใน ๑ วัน ที่ต้องการเพียง ๖๐-๙๐ มิลลิกรัมเท่านั้น

อาหารที่คนเรากินแต่ละวันมีวิตามินซีเพียงพอหรือไม่? ในแต่ละวันร่างกายของคนเราได้รับปริมาณวิตามินซีจากอาหารในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายแล้ว
จากการสำรวจในประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่า ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ได้รับวิตามินซีจากอาหารมากเกินความต้องการในแต่ละวันอยู่แล้ว
ดังนั้น ถ้ามาเปรียบเทียบกับอาหารของชาวไทยที่อุดมไปด้วยผักและผลไม้นานาชนิด จึงเชื่อว่าคนไทยน่าจะได้รับวิตามินซีจากอาหารในชีวิตประจำวันที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายแล้ว

ผลข้างเคียงของวิตามินซี

เนื่องจากวิตามินซีจัดเป็นยาชนิดหนึ่งที่ค่อนข้างปลอดภัย แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีรายงานอาการข้างเคียงที่เกิดเนื่องจากการใช้วิตามินซีชนิดเม็ดได้ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน เป็นต้น นอกจากนี้ ควรระวังการใช้วิตามินซีในผู้ป่วยโรคทาลัสซีเมีย (thallassemia) และผู้ป่วยที่ขาดเอนไซม์ G-6-PD ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการผิดปกติต่อเลือดได้

การใช้วิตามินซีในขนาดสูง

การกินวิตามินซีเสริม ซึ่งมีการอ้างว่าจะช่วยลดโอกาสการเป็นหวัด หรือช่วยให้หวัดหายเร็วขึ้น หรือลดโอกาสการเป็นมะเร็ง เป็นต้น โดยแนะนำให้ใช้ในขนาดสูง
ในเรื่องนี้มีรายงานว่า ผู้ที่ป่วยเป็นหวัด มะเร็ง เครียด มักมีระดับของวิตามินซีในร่างกายต่ำกว่าปกติ (น้อยกว่า ๖๐-๙๕ มิลลิกรัมต่อวัน) ซึ่งควรได้รับวิตามินซีให้ได้ในระดับปกติ (๖๐-๙๕ มิลลิกรัมต่อวัน) แต่ไม่ได้ชี้ชัดว่าการกินวิตามินซีในขนาดสูง (มากกว่า ๑,๐๐๐ มิลลิกรัมต่อวัน) จะช่วยลดสิ่งเหล่านี้ได้ หรือถ้ามีรายงานยืนยันในเรื่องนี้ ก็จะเป็นรายงานที่ไม่ได้รับการยอมรับทางการแพทย์อย่างแท้จริง

นอกจากนี้ การที่ร่างกายได้รับวิตามินซีในปริมาณมากเกินไป อาจส่งผลข้างเคียงได้หลายประการ เช่น อาการคลื่นไส้อาเจียน ซึ่งเกิดจากวิตามินซี ไปสร้างความระคายเคืองให้กับกระเพาะอาหาร และหากกินเข้าไปในปริมาณสูงมากๆ อาจทำให้เกิดโรคนิ่วในไตได้ เพราะวิตามินซีเป็นวิตามินที่ละลายในน้ำและไม่มีการสะสมในร่างกาย เมื่อกินในปริมาณที่มากเกิน ร่างกายจะขับทิ้งออกทางไต ซึ่งถ้ากินเข้าไปในปริมาณมากกลับเป็นโทษ คือไตจะต้องทำงานหนักมากยิ่งขึ้น เพื่อขจัดวิตามินซีที่ได้รับมากเกินนี้ทิ้งออกไปจากร่างกาย และอาจทำให้เกิดนิ่วที่ไตได้

การกินวิตามินซีในขนาดสูง จึงควรระวังอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้และควรปรึกษาแพทย์


ที่มา @ นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่: 323 คอลัมน์: ล้านคำถามเรื่องยา ปรึกษาเภสัชกร นักเขียนหมอชาวบ้าน: ภก.ดร.วิรัตน์ ทองรอด

Relate topics

แสดงความคิดเห็น

« 6782
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง